เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลใจสำหรับคุณแม่มือใหม่เลยทีเดียว ว่าจะคลอดลูกแบบไหน โดยปัจจุบันเรามักจะพบว่าคุณแม่คนไทยนิยมผ่าคลอดแบบเปิดหน้าท้อง (Cesarean Section หรือ C-Section) กันเยอะมาก โดยประเทศไทยมีสถิติการผ่าคลอดมากกว่า 30% ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
หากคุณแม่ๆ ทั้งหลายยังสงสัยว่าการคลอดธรรมชาติกับการผ่าคลอดแบบเปิดหน้าท้อง มีผลกระทบที่ตามมาอย่างไรบ้าง? My honey bun ได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้ง 2 วิธีเพื่อช่วยให้คุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแล้วค่ะ

ทำไมคุณแม่คนไทยนิยมคลอดลูกแบบผ่าคลอด ?
ส่วนใหญ่มักเกิดจากการกลัวเจ็บนั่นเองค่ะ รองลงมาก็คือถือเคล็ดตามวันเกิด โดยพบว่ามีคุณพ่อคุณแม่จำนวนมากที่มักอยากให้ลูกเกิดในวันฤกษ์ดีตามความเชื่อ และอีกความเชื่อหนึ่งก็คือกลัวว่าช่วงล่างจะไม่กระชับค่ะ ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่เหตุผลทางสูติกรรม เหตุผลของแพทย์ และเหตุผลทางโรงพยาบาล ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่บุคคลค่ะ
แล้วคลอดลูกแบบไหนดีกว่ากัน?
การคลอดธรรมชาติ
ข้อดี- ทำให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีแผลที่มดลูก และทำให้มดลูกหดตัวเล็กลงได้เร็ว
- ทำให้เด็กปอดไม่ชื้น เนื่องจากการคลอดธรรมชาติจะทำให้บีบหน้าอกเด็ก ทำให้รีดเอาน้ำคร่ำที่คั่งค้างในปอดของเด็กซึมเข้าสู่เลือดในยามที่เด็กสูดอาการเข้าปอดครั้งแรกนั่นเอง
- สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูก เนื่องจากการคลอดธรรมชาติจะทำให้เด็กกลืนสารคัดหลั่งในช่องคลอดที่มีแบคทีเรีย “โปรไบโอติกส์” จึงช่วยนำไปสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กได้ ซึ่งการผ่าคลอดจะไม่ทำให้เด็กได้รับสารดังกล่าวอสถิติได้บ่งชี้ว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติมีโอกาสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กที่ผ่าคลอดถึง 3 เท่า3
- สามารถให้น้ำนมเหลือง หรือโคลอสตรัมเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้ทันที และยังทำให้หลั่ง สารออกซิโทซินซึ่งกระตุ้นนมมาเร็วขึ้น3
- เสียเลือดน้อย
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่า
ข้อเสีย- คุณแม่จะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดก่อนคลอด แต่สามารถระงับความเจ็บได้ด้วยการให้ยาระงับปวด
- กำหนดวันคลอดไม่ได้

การผ่าคลอด
ข้อดี- ไม่ต้องทนเจ็บก่อนคลอด
- กำหนดวันคลอดได้
- ไม่เสี่ยงกับภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด เช่น สายสะดือโผล่ หัวใจเด็กเต้นช้าลง
ข้อเสีย- มีความเสี่ยงต่อการดมยาสลบหรือการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังหรือที่เรียกว่า “บล็อกหลัง”
- เมื่อยาชาหมดฤทธิ์จะต้องรู้สึกเจ็บแผลนานหลายสัปดาห์
- เนื่องจากต้องเย็บแผล ทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้น้ำนมเหลือง หรือโคลอสตรัมกับลูกได้ในชั่วโมงแรกหลังเกิดที่นับเป็นนาทีทอง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การให้นมจากเต้าไม่ประสบความสำเร็จ
- อาจเกิดภาวะรกฝังตัวลึกที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่ได้ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
- เกิดแผลที่มดลูกและยังเสี่ยงเกิดพังผืดในช่องท้องได้อีกด้วย
- หากตั้งครรภ์ครั้งต่อไปอาจต้องใช้วิธีผ่าคลอดอีกเช่นเดิม
- เสียเลือดมาก
- เสี่ยงติดเชื้อ
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่าหากคุณแม่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงไม่เป็นโรคแทรกซ้อน ทางองค์การอนามัยโลก (WHO)1 และกระทรวงสาธารณสุข2 ก็มีแนวโน้มจะแนะนำให้คุณแม่คลอดธรรมชาติมากกว่าผ่าคลอด เพราะโดยรวมจะมีผลดีต่อตัวคุณแม่และทารกมากกว่า4 แต่ทั้งนี้การจะเลือกวิธีคลอดลูกให้เหมาะสม ก็ควรพิจารณาจากความพร้อมของสุขภาพร่างกาย และดุลยพินิจของแพทย์เป็นหลักนะคะ
อ้างอิงจาก
- Department of Reproductive Health and Research, World Health Organization, WHO Statement on Caesarean Section Rates, April 2015 http://www.who.int/reproductivehealth/publications/maternal_perinatal_health/cs-statement/en/
- กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสุข, ผ่าคลอด เรื่องอันตรายของแม่และเด็ก https://moph.go.th/index.php/news/read/1017
- การผ่าคลอด: การคลอดที่เราควรเลือกจริงหรือ? ธีระ สินเดชารักษ์, สิริอร ศักดาบุณยเดชา, เกตน์สิรี กอบกิจไพศาลสุข, คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://cscd.kku.ac.th/2016/uploads/proceeding/140813_110634.pdf
- United Nations Children’s Fund (UNICEF), FROM THE FIRST HOUR OF LIFE, Oct 14, 2016 https://data.unicef.org/wp-content/uploads/2016/10/From-the-first-hour-of-life-1.pdf
- ลูก “ภูมิแพ้” ! ถ้าแม่ผ่าคลอด, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 กันยายน 2557 http://www.manager.co.th/QOL/viewnews.aspx?NewsID=9570000106380