เด็กสมัยนี้กิจกรรมแยะ! ทั้งต้องตั้งใจเรียนให้ผลการเรียนในห้องออกมาดี ไปเรียนพิเศษเสริมนอกเวลา เรียนภาษาที่สามที่สี่เพิ่ม เข้าคลาสศิลปะ หัดเล่นเครื่องดนตรี…
เมื่อลูกมีอะไรให้ทำเยอะขนาดนี้ อาจทำให้พ่อแม่หลงลืมอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญมากอย่างการให้เด็กออกกำลังกาย กิจกรรมที่มีผลการวิจัยออกมายืนยันมากมายว่าไม่ได้มีประโยชน์แค่ต่อร่างกายเด็ก แต่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง ส่งผลให้เด็กหัวดีและเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เวนดี้ ซูซูกิ ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ได้ศึกษาผลของการออกกำลังกายต่อการทำงานของสมอง โดยสรุปได้ในสองระดับว่า
ผลการทดลองนี้ยังไปสอดคล้องกับโปรแกรมพลศึกษาของโรงเรียน Naperville Central High School ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งให้เด็กเข้าเรียนพลศึกษา (ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นการใช้เครื่องออกกำลังกายเหมือนในฟิตเนส) ก่อนเข้าคลาสที่ตัวเองเรียนอ่อน และพบว่าเด็กมีผลการเรียนดีขึ้นเนื่องจากสามารถโฟกัสกับบทเรียนได้ดีกว่า (หรือจะเรียกว่า “สมองพร้อมใช้งาน” ก็ได้)2
นอกจากช่วยให้การทำงานของสมองเด็กดีขึ้น การออกกำลังกายยังมีประโยชน์ที่เราอาจนึกไม่ถึงอีกมากมาก อาทิ
การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง โดยจะไปเพิ่มความหนาแน่นมวลกระดูก ทำให้กระดูกไม่เปราะหักง่าย4 แถมเมื่อออกกำลังที่เน้นการยืดตัว เช่น โหนบาร์ กระโดดเชือก ว่ายน้ำ โยคะ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือแบดมินตัน ก็จะเป็นการออกกำลังกายเพิ่มความสูงเด็ก ช่วยให้เด็กในวัยกำลังโตสูงขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
เมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเซราโทนินและเบต้าเอนโดฟินซึ่งมีฤทธิ์คล้ายสารเสพติด เราจึงรู้สึกมีเรี่ยวแรง กระฉับกระเฉง สมองปลอดโปร่ง และรู้สึกดีกับตัวเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะสามารถลดการเกิดภาวะทางจิตใจต่างๆ4 อาทิ โรคเครียด หรือซึมเศร้า
การออกกำลังกายกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ปอด ระบบไหลเวียนเลือด และระบบเผาผลาญ โดยกล้ามเนื้อหัวใจจะแข็งแรงขึ้น ปอดสามารถทำงานเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และร่างกายนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เพื่อสร้างพลังงาน จึงทำให้ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง และความดันสูง4
นอกจากนี้ สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อส่วนอื่นในร่างกาย ที่ยิ่งใช้เท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแรงขึ้น ดังนั้นการได้บริหารกล้ามเนื้อบ่อยๆ โดยเฉพาะส่วน Prefrontal Cortex และ Hippocampus จึงสามารถช่วยชะลอโอกาสการเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ได้1
ไลฟ์สไตล์เด็กในยุคปัจจุบันห่างไกลจากการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการไม่ค่อยออกไปเล่นกลางแจ้ง การเกาะติดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงวิชาพลศึกษาที่ในโรงเรียนที่มีเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมทั้งยังมีบางคลาสที่ไม่เอื้อให้เด็กได้ขยับร่างกาย เช่น การเล่นกีฬาแบบทีมที่มีการคัดออก หรือการต้องผลัดใช้อุปกรณ์ที่มีจำกัด
พ่อแม่จึงควรชวนลูก(และตัวเอง!) มาเริ่มขยับร่างกายจากเคล็ดลับท่าออกกำลังกายเด็ก ที่จะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งทางสมอง ทางร่างกาย และทางอารมณ์อย่างเต็มที่
พ่อแม่ยังสามารถปลูกฝังลูกให้แอคทีฟอยู่เสมอด้วยการชวนทำงานบ้านหรือเดินขึ้นบันได ทำให้การออกกำลังเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กๆ เพื่อช่วยให้เค้าเติมเต็มศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ ด้วยการเริ่มลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่น้อย!