พอเจ้าตัวเล็กเห็นฝนทีไร เป็นต้องดีใจดี๊ด๊า เพราะได้เอ็นจอยอากาศเย็นสบาย ได้เล่นเม็ดฝนจากฟ้าสุดตื่นตา แถมยังมีแอ่งมีบ่อที่ดูยังไงก็เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวของหนูชัดๆ แต่ฤดูฝนก็เป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคและภัยอันตรายต่างๆ โดยเฉพาะในเด็ก พ่อแม่จึงควรปกป้องและระวังเป็นพิเศษด้วย 5 ทริคดูแลสุขภาพลูกหน้าฝนดีๆ ดังนี้ค่ะ
หากไม่สามารถห้ามลูกออกไปเล่นน้ำฝนได้ ก็ให้เตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ของเจ้าตัวน้อยไว้ให้ครบ โดยบังคับให้ลูกใส่เสื้อกันฝนหรือถือร่มอยู่เสมอเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่น้ำฝนชะล้างลงมา พร้อมให้ใส่รองเท้าบู๊ทกันฝนเพื่อป้องกันการติดโรคฉี่หนูจากน้ำท่วมขังด้วย1
พ่อแม่ควรปลูกฝังนิสัยการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังเข้าบ้าน1 สอนลูกไม่ใช้ของบางอย่างร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า หลอดน้ำ ฯลฯ และดูแลสุขอนามัยด้วยการใช้ช้อนกลาง ไอหรือจามใส่ทิชชู ไม่ขยี้ตา และรู้จักการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่ยุงเป็นสัตว์พาหะตัวร้ายที่ก่อให้เกิดโรคมากมาย อาทิ โรคไข้เลือดออก มาลาเรีย ไข้สมองอักเสบ โรคจากเชื้อไวรัสซิกา ไวรัสชิคุนกุนยา เป็นต้น
ยุงจะเติบโตได้ดีในฤดูฝนเนื่องจากมีพื้นที่น้ำขังเยอะ พ่อแม่จึงควรกำจัดน้ำขังตามจุดต่างๆ ในบ้าน เทน้ำทิ้งจากจานรองกระถาง สระเป่าลม เปลี่ยนน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ ฯลฯ รวมถึงการเคลียร์มุมอับทึบในบ้าน2 และใช้อุปกรณ์ไล่ยุงรูปแบบต่างๆ เช่น มุ้งครอบ สติ๊กเกอร์แปะผิวสำหรับเด็ก หรือใช้เครื่องช็อตสำหรับพื้นที่เอาท์ดอร์1
เชื้อโรคทางเดินอาหารจะแพร่กระจายได้ดีขึ้นในฤดูฝน ผู้ปกครองจึงต้องดูแลให้แน่ใจว่าลูกได้ทานอาหารที่สะอาดและปรุงสดใหม่3 หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารค้างคืน พร้อมตรวจสอบให้มั่นใจว่าแหล่งน้ำดื่มนั้นสะอาดและเชื่อถือได้ (เพราะบางทีแค่น้ำแข็งไม่สะอาด ก็อาจก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะในเด็กที่เสี่ยงต่อการเป็นอหิวาตกโรคและท้องร่วงมากกว่าผู้ใหญ่)
สุดท้ายแล้ว การมีภูมิต้านทานที่ดีก็จะสามารถปกป้องร่างกายของลูกน้อยจากโรคหรืออาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ พ่อแม่จึงควรปลูกฝังให้ลูกทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เน้นผักและผลไม้ที่เปี่ยมด้วยวิตามิน ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ